วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หนาว...

อากาศหนาวแล้ว ดูเหมือนทุกคนจะดีใจ
สังเกตได้จาก การโพสต์ข้อความในอินเตอร์เน็ต และจากสื่อต่าง ๆ

หลายคนชอบฤดูนี้ และถือโอกาสที่จะลาพักร้อน ทั้ง ๆ ที่อยู่ในฤดูหนาว
เพื่อเป็นการได้พักผ่อน และไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ

หลายคนมีความสุขกับการได้ รื้อเอาเสื้อผ้าที่นอนแช่อยู่ในตู้ ออกมา
เพื่อเตรียมรับกับลมหนาวที่กำลังมาเยือน

หลายคน ออกไปช็อปปิ้ง รับแฟชั่นหน้าหนาว อย่างมีความสุข

แต่ในอีกด้านหนึ่ง ของ ช่วงเวลานี้

ข่าวการตายของแม่เฒ่าวัย แปดสิบ ปี
เนื่องมาจากรับสภาพอากาศที่หนาวจัดบนยอดดอยไม่ได้

ภาพเด็กน้อยชาวเขา ใส่เสื้อบาง ๆ นั่งผิงไฟกับครอบครัว
ท่ามกลางสายหมอกอันหนาวเย็น

หญิงที่กำลังคลุมผ้าห่มบาง ๆ ให้กับลูกน้อยวัย สามเดือนเศษ
ด้วยมือที่สั่นเทาจากความหนาวเหน็บ

เหตุการณ์เหล่านี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ ต่างพื้นที่

ไม่มีใครบอกเหตุผลของสิ่งที่เกิดขึ้นได้

หลายเหตุการณ์ มักจะมี สองด้านเกิดขึ้นเสมอ
เรามักจะบอกว่า เวลาเจอเรื่องร้าย ๆ ให้มองหาในสิ่งดีของเหตุการณ์นั้น ๆ
เพราะฉะนั้น เวลาเจอเรื่องดี ๆ ก็น่าจะมองหาสิ่ง ร้าย ๆ ในเหตุการณ์นั้น ๆ ดูบ้าง
เผื่อบางที เราอาจจะเข้าใจอะไรบางอย่างมากกว่าที่เป็นอยู่

ลองมองชีวิตในอีกหลายมิติ ที่ไม่เคยมอง
แล้วจะพบ อีกหลาย ความรู้สึก ที่ไม่เคยสัมผัส

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วันสิ้นโลก

ไปดูหนัง 2012 The end of world มา หลายคนบอกหนังสนุก ตื่นเต้น
ก็สมกับคำร่ำลือ อลังการงานสร้างดี

แต่คงพูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นหนังที่ดี...

ในตัวหนังพูดถึงความน่ากลัวของวันสุดท้ายของมวลมนุษยชาติ
และโลกที่ต้องเผชิญกับความหายนะ ครั้งยิ่งใหญ่

หลายคนคงคิดว่า หนังเรื่องนี่ทำ โอเวอร์ ซึ่งตากจากหลายคนที่ เชื่อ ว่ามันจะเกิดขึ้นจริง
และนี่ไม่ใช่ประเด็นใหม่ในการถกเถียง

ในหลายศาสนาทำนายถึง "วันสิ้นโลก" รวมไปถึง บันทึกต่าง ๆ
ในหลาย ๆ ความเชื่อก็มีการบันทึกไว้เช่นกัน
น่าสนใจที่หากวันนั้นเกิดขึ้นจริง ๆ เราจะทำเช่นไร

มีสิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจในหนังเรื่องนี้คือ หนังได้ถ่ายทอดความรู้สึกที่แท้จริง
เมื่อถึงเวลาที่ มนุษย์ จนตรอก พวกเขาต่างแสดงธาตุแท้แห่งความเป็นคนออกมา ต่าง ๆ กัน
ในยามที่ ชีวิตไม่มีทางให้เลือก

หลายครั้งเราพูดได้ว่า "ฉันจะเป็นคนอย่างนั้น" "ฉันจะทำอย่างนี้" เมื่อเวลานั้นมาถึง
แต่ในความเป็นจริงเรา คาดเดาไม่ได้หรอก ว่าเมื่อเวลา และ สถานการณ์จริงมาถึง
แล้วเราจะทำอย่างไร

ในยามที่ชีวิตคุณ ไม่มีทางให้เลือกมากนัก และสถานการณ์ในชีวิต
ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคาดการณ์
เมื่อนั้นแหละคือเวลาที่คุณจะแสดงตัวตนที่แท้ออกมา

ไม่มีใครบอกได้ว่า "คุณจะเป็นเช่นไร"
เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครจะบอกได้หรอกว่า "โลกจะแตก" วันไหน ???

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ฉันกลับมาแล้วนะ...

สวัสดี ความคิดสร้างสรรค์

หลังจากที่เราไม่ได้เจอกันนาน หวังว่าคงสบายดีนะ
ขอโทษที่อยู่ ๆ เราก็หายไป โดยไม่บอกไม่กล่าว
พอดี อยากใช้ชีวิตอยู่กับตัวตนของตัวเอง

ได้อยู่กับตัวเองแล้วก็ได้เรียนรู้จักตัวเองขึ้นมาก
รู้จักที่จะผ่านพ้นอะไรไปได้ด้วยตัวเอง
ไม่หวังพึ่งพา สิ่งแวดล้อมจนเกินไป
ชีวิตมันก็เป็นอย่างนี้แหละ "ไม่สำเร็จรูปเหมือนบะหมี่ หรอก"

แต่ถ้าดูให้ดี การปรุงชีวิตก็สนุกกว่าการ ทำบะหมี่ นะ
มีอะไรให้ใส่เข้าไปมากกว่า ผงปรุงรส สองสามซอง ที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมี

แต่สิ่งหนึ่งที่ ชีวิต กับ บะหมี่ เหมือนกัน คือ
เมื่อบะหมี่ โดนน้ำร้อนเข้าไป ก็ จะมีการเปลี่ยนสถานะ ทำให้คนบริโภคได้
ชีวิตก็เช่นกัน เมื่อเจออะไร ร้อน ๆ หรือ ปัญหา ก็จะทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป
บางคนเจอปัญหา ไม่รู้จะแก้ยังไง ก็หาทางออกผิด ๆ
ต่างจากบางคน ที่มองว่า ปัญหาคือ โอกาส ที่จะพัฒนาชีวิตให้เข้มแข็ง

ก็นั่นแหละ นะ สิ่งเหล่านี้แหละ ไม่ว่าจะดี หรือ ร้าย ก็ล้วน
หลอมรวมกัน เป็นคำว่า "ชีวิต" ไงละ
เราว่า "ชีวิต" มันมีเสน่ห์ ก็ตรงที่ ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เลยทำให้เราต้องเรียนรู้ที่จะผ่านอะไร ๆ ไปให้ได้อย่างตื่นเต้น

วันนี้ตั้งใจว่า จะกลับมามีความสัมพันธ์กับเธออีกครั้ง
แต่ก็สัญญาไม่ได้ว่า จะไม่หายไปอีก
เพราะเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่า พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร

ชีวิตมันก็ ตื่นเต้นอย่างนี้แหละ

เธอรู้สึกตื่นเต้นเหมือนฉันไหม "ความคิดสร้างสรรค์"








วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ดีใจจัง...

วันนี้มีเรื่องราวดี ๆ ให้ได้ดีใจ...
เมื่อพบว่างานที่ส่งเข้าประกวด ใน write shot story award 2552
ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนี่งในเรื่องสั้นที่ถูกคัดสรรค์ จากบรรณาธิการ
เลยอยากเอาเรื่องนี้มาแบ่งกันอ่ะนะครับ ตามลิงค์นี้เลย
ชื่อเรื่อง "ทุ่งเปลี่ยนสี" อยู่หน้า 36-37 นะคร้าบบบบบ...

http://issuu.com/thai_writer_magazine/docs/wassa_03

มีคำติชม ยังไง ก็ บอกได้นะครับ ...

:D

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ชีวิต...

เมื่อชีวิตเจ็บปวด ยวดยิ่ง
หมดซึ่งสิ่งได้สร้าง สรรหา
จักสู้ หรือ หยุด ชีวา
ใครเล่าประจักษ์ รู้ได้

กลิ่นมรณาเยี่ยม เยือนกาย
ปัดป้อง ฤ ขัด ไป่ รู้
สัจธรรมแจ้งเห็น ในตน
ชีวิตคนไร้ซึ่ง เที่ยงแท้

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552

บันทึก...

เมื่อเดินมาถึงทางแยก ไม่มีทางปฏิเสธที่จะต้องเลือก

ถ้าคุณตัดการใช้เวลากับสิ่งไร้สาระ คุณจะมีเวลาทำในสิ่งมีสาระ มากขึ้น

มันจะช้า ถ้าต้องรอ คอย ...

ไม่มีเรา เขาก็อยู่กันได้ จงปล่อยวาง ซะบ้าง

ถ้าเหนื่อย เครียด เศร้า ฯลฯ ลองหา ไอติม กินซักแท่ง เด๋วก็ดีขึ้นเอง

อย่าโกหก เพราะการ โกหก เป็นทางออกที่ โง่ มาก

บางที การอยู่กับความเหงา ก็ เข้าท่า ดีเหมือนกัน

ยิ่งเดินมาเหนื่อย จุดหมายยิ่งมีคุณค่า

ถ้ากดดันมาก ๆ ก็หาที่เงียบ ๆ แหกปาก เพื่อระบายซักหน่อย

เมื่อเจอของดีที่สุด เราจะยอมทิ้งสิ่งที่ดีระหว่างทาง

แม้เป็นสิ่งเก่า ถ้าหากมองในมุมมองใหม่ ก็มักจะได้อะไรใหม่ ๆ เสมอ

มันก็แค่ วัน ห่วย ห่วย วันหนึ่งเท่านั้น...เดี๋ยว ก็ผ่านไป

ไม่ใช่สมองที่จะเข้าใจว่า 1+1 = 1 หากแต่เป็นหัวใจ

1 มื้อที่ฟุ่มเฟือย เท่ากับ ส่วนหนึ่งของชีวิต ที่อดอยาก

คุณอาจได้มาซึ่งชัยชนะ แต่ คุณจะสูญเสียความสัมพันธ์ที่ดี

ความคุ้นเคย ไม่ได้ ลดทอน ความกลัวเสมอไป

จินตนาการ ลดทอนความเครียด ทางตรรก ได้

อย่ากด เมม เบอร์โทรศัพท์ ขณะที่คุยโทรศัพท์ เพราะเสียงมันจะน่ารำคาญสำหรับคู่สนทนา ...

อย่าใช้บริการ รอ สาย เพราะไม่มีเหตุผลที่ดีพอ ที่จะให้อีกคนต้องมารอ เมื่อคุณคุยกับอีก คนหนึ่ง

เมื่อใบไม้ ร่วงหล่น มันจะผลิใบอ่อน มาเพื่อดำรง ชีวิตต่อไปเสมอ

การพิมพ์ "555+" ในการ แชท สันนิฐานว่า มันต้องมาจากความผิดพลาด ก่อน แน่ ๆ

เคยไหม เมื่อนึกถึงความหลัง แล้ว "อมยิ้ม" กับมัน

วิธี "คิด" มีผลต่อการใช้ชีวิต ของคน

มาตรฐานของคำว่า "คุณค่า" แตกต่างกันไป ตามการให้ "ความสำคัญ"

มีร้อยวิธีคิด แต่มี เพียงหนึ่งวิธี ที่จะเลือกปฏิบัติ ในแต่ละครั้ง

เมื่อวาน เป็น อดีต ของ มะรืน แต่วันนี้ เป็นอดีตของ พรุ่งนี้

ศรัทธา เป็นแรงผลัก เพื่อไปถึง "ความหวัง"

มีข้อแตกต่างระหว่าง "ไม่ทำบาป" และ "ไม่มีโอกาสทำบาป"

อย่าให้ "อายุ" ลดทอนความเป็น "เด็ก" ในตัวคุณ

"ความรัก" เป็น แท่นชาร์ต แห่ง "ชีวิต"

เดินคนเดียว อาจจะ โดดเดี่ยว แต่ ก็มีเวลาที่จะมองความงดงาม ริมทาง

ความเคยชิน เป็นยาขม แห่ง อคติ

ไม่มีแมวตัวไหนใส่แว่น เพราะมันไม่สนใจในสิ่งที่สายตามองเห็น

สัญชาติญาณ เกิดมาจาก ความจำเป็นในการอยู่รอด


...



มีสองเหตุผลของคนอ่าน บทความนี้ หนึ่ง "ให้ความสำคัญ" สอง "ว่างมาก"

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552

"ห้วงภวังค์..."

ฝนหยดแรกตกกระทบผืนป่า ภูเขาใหญ่น้อยรายเรียงโอบรอบซึ่งกันและกัน เสียงฟ้าร้องสนั่นทั่วแผ่นฟ้า นั่งเพียงลำพัง บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ดีกว่าอยู่หลายคน น้ำฝนที่แทรกซึมผ่านผืนดินขับไล่ความร้อนระอุของอุณหภูมิเมื่อตอนกลางวันกลายเป็นไอระเหยขึ้นสู่เบื้องบน แล้วก็หายวับไปจากศักยภาพการมองเห็น

ผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านไป ภาพตัดกับไอฝน และละอองน้ำที่ติดกับแว่นทำให้มองได้ไม่ชัด หากมีเทคโนโลยีความเร็วสูง ผมอยากใช้มันในการเคลื่อนที่เข้าไปใกล้เธอให้มากกว่านี้เพื่อให้รู้ว่าเธอเป็นใคร แต่คนเราก็มักเป็นเช่นนี้เสมอ บางครั้งสิ่งที่มีก็มักไม่ได้ใช้ แต่เมื่อขาดหายไปมักจะโหยหา

นั่งนิ่งอยู่เนิ่นนาน อยู่ในภวังค์ความคิด

สายฝนหยุดไปแล้ว แต่ความคิดฟุ้งซ่านยังคงหยาดหยดไม่ขาดสายในสมองของผม ดอกไม้บานกลางแดดกล้ายามสายฝนพัดผ่าน แต่คราบความชุ่มชื้นก็ยังคงสะท้อนเงาแห่งอดีตให้เตือนความทรงจำถึงสิ่งที่ผ่านพ้น ผมเรียกร้องสิทธิความเป็นคนมาโดยตลอดแต่หามีใครที่ให้คำตอบกับผมอย่างแน่ชัด ผู้คนโหยหาสิทธิของตนโดยยังไม่รู้ถึงของเขตที่ตนพึงได้รับด้วยซ้ำ บางที่คนเราก็ไม่ได้ต่างไปกับรองเท้าคู่หนึ่งที่ถูกเหยียบย่ำเพียงเพราะใครคนหนึ่งไม่ต้องการให้ตนเจ็บปวดในบางส่วนของชีวิต เสียงเด็กร้อง ภาพผู้คนหิวโหย คนชรา ไร้โอกาส ไร้ที่พึ่ง ใครเล่าจะล่วงรู้เหตุผลของพวกเขา พวกเขาคงไม่เข้าใจความหมายของชีวิต และไม่สนคุณค่าของสิทธิมากไปกว่าอาหารซักหนึ่งมื้อ “มีบางอย่างที่แตกต่างระหว่างสองสิ่ง เพียงเพราะแค่สิ่งสมมติที่มนุษย์กำหนดขึ้น” บางครั้งเราให้คุณค่าของสิ่งสมมติมากกว่าคุณค่าของจิตใจด้วยซ้ำนั่นคือ ”ความไม่เท่าเทียม”

ด้วย อีโก้ ผมจึงจากเมืองใหญ่มาอาศัยยังถิ่นห่างไกลสิ่งสมมติทั้งหลาย ผมไม่ชอบการใส่หน้ากากผมเลือกที่จะเดินไปยังจุดหมายแห่งอุดมการณ์มากกว่าหยุดนิ่งกับความสำเร็จที่จอมปลอม การเดินของผมเต็มเป็นไปโดยความหวัง ผมโหยหาบางอย่าง บางอย่างที่หลายคนบอกปัดเมื่อห้วงจิตสำนึกเฝ้าร้องฟ้องผิด ผมไม่สามารถทนได้ ผมโหยหากระหายที่จะไปถึงที่นั่น วันหนึ่งมันจะงดงามเหมือนต้นไม้ที่ออกดอกผล จะรอวันนั้นแม้ว่าต้องฟันฝ่าความเย็นชา ต่อสู้กับสิ่งที่อยู่เหนือความคิด “สติสยบความวุ่นวายเสมอ”
ผมนั่งปลดปล่อยความคิดออกไปไร้ขอบเขต...

พยายามปฏิเสธทุกอย่างที่ถ่วงรั้งจากอุดมการณ์นั้น โลกยังคงหมุนไปแต่ทว่าผมกลับอยากหยุดนิ่ง เสียงจากภวังค์ความคิด “ฉันรู้สึกเฉย ๆ” ใครคนหนึ่งพูดไว้ ใช่มันงดงามไม่มีที่ติ เธอไม่เคยผิดเลย หลายคนไม่กล้าเอื้อนเอ่ย บทสนทนาของเราในครั้งเก่าก่อน

“มนุษย์ย่อมมีสองด้าน”
“ไม่ ทุกอย่างล้วนมีสองด้าน”
“คิดอย่างนั้นจริงหรือ?”
“ใช่” มันดูง่ายแต่จริงใจ
“เดินหลายคนไม่เหนื่อย จริงหรือ?”
“ฉันเคยเดินคนเดียวแต่ไม่รู้สึกเหนื่อย กลับรู้สึกถึงความงดงาม”
“ไอ่ อ้วน !” เธอสบถ
“ฉันทำเต็มที่แล้ว” ...

แม้ไม่อยากมอง เราก็ยังคงเห็นอดีตเสมอ แม้มันจะหายไป แต่นั่นคือ “ชั่วคราว” หาใช่ “นิรันดร์กาล” เพียงเป็นฉัน เพราะ...
ไร้คำตอบใด ๆ แม้ความเงียบงันก็ไร้ความหมายใด
หนึ่งคนนั้นที่ผ่านไปได้กลับมา ไม่มีสายฝนไม่มีสิ่งขวางกั้นศักยภาพการมอง เป็นเธอ แต่ยิ้มหายไปจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อมีชายสองหญิงหนึ่ง หลีกไม่พ้นการสูญเสีย

ฉันนั่งเพียงลำพัง...

ใบไม้ร่วงหล่น อีกฤดูมาเยือน ไม่มีการเหลียวมอง ไม่มีการแก้ไข เมื่อผ่านแล้วย่อมผ่านเลยเพราะฉะนั้นจงทำวันนี้ ให้เต็มที่ คิดก่อนกระทำ ฤดูหนึ่งบดบังฤดูหนึ่ง บดบังแม้ความทรงจำเดิม ๆ จึงทำให้ไม่เห็นเธอ รวมทั้งเธอผู้ผ่านมาก็ลาลับหายไป ดอกไม้กลับมาบานสะพรั่งอีกครั้ง กลับกลายจากเปลี่ยวเหงาเป็นชีวิตใหม่ น่าเชยชมยิ่งนัก ดอกไม้เมื่อยามแรกแย้ม

พลบค่ำเริ่มมาเยือน หรีดเรไรขับขานแซงแซ่ บางอย่างตกลงมาจากต้นไม้ เป็นของที่ตกหรือว่ามันถูกทิ้งอย่างไม่เหลียวมอง บางสิ่งไม่อยากเจอ และแล้วก็ต้องเจอ

ความเงียบเหงามาเยี่ยมอีกครา...