วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2551

หล่น – หาย

คุณเคยทำอะไรหายบ้างหรือเปล่า?

หลายครั้งที่เราเคยทำสิ่งของสำคัญหายไปจากชีวิต เหตุการณ์เหล่านั้นล้วนแต่นำความเสียใจมายังชีวิตเรา ปริมาณในความเสียใจนั้นย่อมแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความสำคัญของวัตถุแต่ชิ้น

ถ้าหากว่าสิ่งที่หายไปจากชีวิตเราไม่ได้เป็นสิ่งของ หรือวัตถุ แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “คน” เราจะรู้สึกยังไง ???

ในความเป็นจริงเหตุการณ์เช่นนี้ล้วนเกิดขึ้นกับเราทุกคนมาแล้ว ทั้งนั้น หากลองคิดย้อนหลังไปให้ดีเราจะพบว่ามีคนมากมายที่เราหลงลืมทิ้งไว้ข้างทางเดินของชีวิต

ติ๋ว เพื่อนตอน ป.2 ที่เราชอบแกล้งเป็นประจำ
สมชายที่เคยโดดน้ำด้วยกัน
สังเวียน ที่แอบขี่มอเตอร์ไซด์ ไปเที่ยวด้วยกันครั้งแรกตอน ม.2
บรรจบ คู่แข่งจีบน้อง แต๋ว ตอน ม.5
เฉลิมชัย เพื่อนรวมคณะในมหาวิทยาลัย
ฯลฯ ...

คนเหล่านี้ได้แวะเวียนเข้ามาสร้างสีสัน แต่งเติมชีวิตของเราให้มีรสชาติ แล้วก็ผลัดเปลี่ยนกันห่างหายไป ซึ่งถ้ามองกลับกันเราก็เป็นส่วนหนึ่งเช่นกันในการ เติมแต่งชีวิตของผู้อื่น แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปถึงจุดหนึ่งที่เรียกว่า การลาจาก ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม เราก็ปฏิเสธมันไม่ได้ และสิ่งที่เป็นผลตามมาก็คือ การลบเลือนทางความรู้สึก มันจะค่อย ๆ จางหายไปพร้อมกับภาพความทรงจำ ยิ่งนานก็ยิ่งทำให้ภาพในหัว หม่น มัว นัว ลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง ความรู้สึกและภาพมันค่อย ๆ หายไป

เคยไหมที่เจอเหตุการณ์ พบเพื่อนเก่า ตอนประถม หรือ แล้วไม่กล้าเข้าไปทัก ไม่รู้จะเริ่มต้นในการเข้าไปคุยยังไง ทั้ง ๆ ที่มันก็คือ คนเดียวกับที่เรา ตบหัว กอดคอ ขี่หลัง กันในวันวาน

น่าแปลกใจที่ความรู้สึกที่หอมหวนกับเหตุการณ์น่าประทับใจในวันวาน มันลดลงเมื่อคนเราได้แยกจาก หรือแท้จริงแล้วความห่างเหิน มันบั่นทอนความรู้สึกและความทรงจำในวันวาน หรือว่าเป็นเราเองที่ทำมันหล่นหายระหว่างทางเดินของชีวิต เพราะเนื้อที่ในความทรงจำของเราถูกเบียดแย่งพื้นที่เพื่อใช้ในงานที่เราทำ ความเครียดจากเศรษฐกิจ การจดจ่ออยู่ในความสำเร็จของชีวิต สิ่งเหล่านี้หรือเปล่า ที่เข้ามาเบียดเสียดจนความทรงจำที่ดี ความรู้สึกที่แสนน่าประทับใจ มันตกไปจากหน่วยความทรงจำในใจเรา ใช่!!! “ในใจ” ไม่ใช่ “ในสมอง”

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะกลับไปตามเก็บเอาความทรงจำเหล่านั้นมาเก็บไว้ในลิ้นชักแห่งความทรงจำ หาพื้นที่เฉพาะเพื่อเก็บรวมรวบความรู้สึกดี ๆ ความน่าประทับใจต่าง ๆ ไว้ในชีวิต วันหนึ่งเมื่อเราเหนื่อยล้า หรือหมดแรง ไม่แน่ว่าการดึงลิ้นชักเหล่านี้ออกมาดู และค่อย ๆ ละเลียดความรู้สึกไปกับมัน อาจจะเป็นการเพิ่มพลังในการใช้ชีวิตของเราให้ต่อออกไปอีกวันก็ได้...



3 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณนะแม็ค
พอหนอนหม่อน อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกดีนะ

ครั้งหนึ่งเราเคยถูกใครบางคนทำควารู้สึกดีของเราหล่นหาย
แต่นั่นมันนานมาแล้วหลายปีจนเราลืมมันไปกับกาลเวลาแล้ว

ปัจจุบันเราไม่เคยทำความสุขและความรู้สึกดีของเราไปตกหล่นไว้ที่ไหนอีกเลย
เราเข้าใจว่าความสุขหาได้จากทุกที่ๆเราเดินผ่านในแต่ละวัน เพียงแค่เราใช้ใจมองเราเขียนถูกแล้วนะแค่เราใช้ใจมอง

แม็คแต่งเรื่องนี้ได้อ่อนหวานดีจัง ชอบนะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สวัสดีจ๊ะแม็ก

อ่านแล้วอยากร้องให้จัง

คิดถึงเพื่อนคนหนึ่ง เราเรียนด้วยกัน พักที่หอห้องเดียวกัน เราชื่อดาเหมือนกัน เพราะในห้องมีคนชื่อดา 2 คน เพื่อน ๆ เลยเรียกเราว่าบัว

เขากับเรานิสัยคล้ายกันคือถ้าโกรธกันจะไม่มีใครปริปากพูดก่อน ครั้งสุดท้ายที่โกรธกัน ไม่มีใครพูดก่อน ทั้งที่รู้ว่าถ้าใครสักคนเอ่ยปากความเป็นเพื่อนก็จะกลับมาเหมือนเดิม

เราลืมเขาไปนาน จนกระทั่งวันนี้...

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

แท้จริงแล้วความห่างเหิน มันบั่นทอนความรู้สึกและความทรงจำในวันวาน....


^^

คิดถึงเพื่อนเก่าหร๋อจ๊ะ


เป็นกำลังใจค๊า