วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2551

แดน ๗

เมื่อสองเท้าก้าวข้ามธรณีประตูเหล็ก ผ่านกำแพงสูงใหญ่ความรู้สึกสะทกสะท้านแผ่ไปทั่วร่างในใจพลันหวั่นไหวไม่คิดว่าจะได้เข้ามายังดินแดนแห่งการคุมขังนี้ เสียงประตูเหล็กถูกปิดลงผลักดันให้ก้าวต่อไปได้เริ่มต้นขึ้น ลมแรงพัดโชยช่วยผ่อนคลายความกดดันภายในใจลงบ้าง บรรยากาศในนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไหร่ แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลังความสวยงามที่ถูกจัดแต่งขึ้น หรืออาจเป็นเพราะคนที่นี่ต้องการความผ่อนคลายทางด้านจิตใจ และความรู้สึก สิ่งเหล่านี้จะช่วยบำบัดอารมณ์พวกเขาได้หรือไม่ ? ผมเก็บคำถามไว้เฉกเช่นความหวาดหวั่นภายใน

ผมไม่กล้าที่จะสบตาเขาเหล่านี้ ไม่ใช่เพราะความกลัวแต่เป็นความรู้สึกหดหู่ ไม่รู้จะแสดงสีหน้าและแววตาเช่นไรดี จะยิ้มทักทายด้วยไมตรี หรือชื่นชม หรือ ยิ้มแสดงความเสียใจให้กับเขา มันควรจะเป็นแววตาแบบไหนกันที่พวกเขาต้องการผมสังเกตเห็นบางอย่างที่ซ่อนอยู่หลังร้อยยิ้มและความสนุกสนาน ในบริบทความรู้ของผมเรียกมันว่า “ความเจ็บปวด” ซึ่งผมไม่มีวันรู้ความหมายที่แท้จริงของคำนี้ ณ สถานที่แห่งนี้ การฝ่ากำแพงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่หลังดวงตาเหล่านี้ คงยากกว่าการก้าวข้ามกำแพงแห่งดินแดนต้องห้ามแห่งนี้มากมายหลายเท่านัก

ผมไม่อยากรู้สาเหตุในการเข้ามายังดินแดนแห่งนี้ของพวกเขา แต่ผมอยากรู้มากกว่าว่า พวกเธอจะใช้ชีวิตอย่างไรต่อไปเมื่อออกจากสถานที่แห่งนี้ ช่วงเวลาในนี้กับโลกภายนอกนั้นย่อมหมุนด้วยอัตราเร่งไม่เท่ากัน ถ้าหากว่าโลกที่พวกเขาอยู่ตอนนี้เดินไปอย่างเอื่อยช้าไร้จุดหมาย แล้วเวลาออกไปจากที่นี่แล้วต้องพบเจอกับโลกแห่งความเป็นจริงที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว แล้วพวกเขายังคงจะก้าวไปทันมันหรือไม่ พวกเขาจะสามารถปรับก้าวแห่งจังหวะชีวิตของพวกเขาให้ตรงกับโลกแห่งความเป็นจริงได้หรือไม่ ? ยังคงจะมีใครที่ช่วยพยุงยามที่พวกเขาปรับก้าวย่างชีวิตหรือเปล่า ? จะมีคนในโลกภายนอกรอคอยพวกเขาอยู่หรือไม่ ? หรือว่าพวกเขาถูกลบเลือนความทรงจำจากสังคมภายนอกผ่านวันเวลาที่ล่วงเลย...

พวกเขาบางคนใช้ชีวิตในนี้มานาน นานเสียจนไม่กล้าที่จะเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริงภายนอก เพราะมันคงยากนัก ที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่เมื่อเหลือเวลาในชีวิตไม่ถึงหนึ่งในสี่ของเวลาในโลกนี้ หลายคนไม่อยากออกไปจากที่นี่ สิ่งที่ผู้คนมองว่าน่ากลัว แต่สำหรับบางคนมันคือความรู้สึกปลอดภัยสำหรับเขา โลกสองแห่งนี้ถูกกั้นไว้เพียงแค่กำแพงสูงไม่กี่เมตร แต่ทำไมช่วงเวลา และความหมายในการใช้ชีวิตช่างต่างกันลิบลับ

ไม่น่าเชื่อว่าอิทธิพลแห่งศรัทธาในการดำเนินชีวิตจะถูกก่อขึ้นสูงยิ่งกว่ากำแพงที่กั้นเสียอีก มันแยกโลกให้เป็นสองใบได้ และในแต่ละด้านล้วนมองไม่เห็นเหตุผลของการใช้ชีวิตในอีกด้านได้ชัดเจนนัก ได้เพียงแค่จ้องมองซึ่งกันและกัน ผ่านความจำกัดของตัวเอง หากการก้าวเข้ามาในที่แห่งนี้จะช่วยให้ผมเข้าใจอะไรได้สักเพียงเล็กน้อย นั่นก็จะเป็นความยินดีเป็นอย่างยิ่ง

แต่ว่าทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้ ไม่ได้ต้องการเพียงแค่การมองเพียงอย่างเดียว การเข้าไปสัมผัสด้วยรักต่างหากที่จะช่วยเยียวยาความขุ่นหมองของโลกได้...

5 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

^^

มาเป็นกำลังใจ ให้เจ้าของบ้าน

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

หวัดดีจ๊ะ

อ่านแล้วทำให้เกิดคำถามว่า 'ผม' เป็นใคร

เราชอบความรู้สึกในเรื่องนี้นะ เข้าใจว่ามันไม่รู้จะพูดยังไง ไม่รู้จะแสดงออกแบบไหน จะแสดงสีหน้ายังไง

ชอบเรื่องนี้นะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

So good. That's the way a...ha a...ha. I like it a...ha a...ha.
N' june+นิรนาม

I'Mc: กล่าวว่า...

ขอบคุณจูน ที่เข้ามาอ่าน :D

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

thank you but...
do you know who is niranam ?





P.S. I so sorry but I can't change
English to be Thai.

from
N'june